บล็อกนี้จัดทำขึ้นเพื่อประกอบการเรียนวิชาอินเทอร์เน็ตในชีวิตประจำวันกลุ่มเรียนที่5

วันอาทิตย์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2554

☺ประวัติการปกครองระบอบประชาธิปไตย☺

 
1.    สาเหตุการเปลี่ยนแปลงการปกครอง
-          ปัญญาชนรุ่นใหม่ต้องการมีส่วนร่วมในการปกครอง
-          ประชาชนเริ่มตื่นตัวทางการเมืองจากอิทธิพลของหนังสือพิมพ์
-          ผลจากการปฏิวัติในประเทศต่าง ๆ
-          คนรุ่นใหม่เห็นว่าการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ล้าสมัย
2.    คณะปฏิวัติหรือ คณะราษฏร์ ได้ทำการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองสำเร็จเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475
คณะราษฏร์ซึ่งมี พ.. พระยาพหลพลพยุหเสนา เป็นหัวหน้า มีหลักการที่สำคัญ ดังนี้
-          จะต้องรักษาเอกราชทั้งทางการเมือง กาศาล และเศรษฐกิจให้มั่นคง
-          จะต้องรักษาความปลอดภัยภายในประเทศ
-          จะต้องให้ราษฏรมีสิทธิเท่าเทียมกัน
-          จะต้องให้ราษฏรมีสิทธิเสรีภาพ มีความเป็นอิสระ
3.    คณะราษกรได้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวในวันที่ 27 มิถุนายน และในวันที่ 28 มิถุนายน ก้มีพิธีเปิดสภาผู้แทนราษฏรขึ้นเป็นครั้งแรก และในที่สุดได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับถาวรเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม พ.. 2475 ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนแรกคือ พระยามโนปกรณ์นิติธาดา
4.    ผลของการเปลี่ยนแปลงการปกครองดังกล่าวมีสาระสำคัญ ดังนี้
-          ยกเลิกการปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มาเป็นประชาธิปไตย
-          มีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ
-          พระมหากษัตริย์ทรงมีพระราชฐานะและพระราชอำนาจตามที่ประบุไว้ในรัฐธรรมนูญทั้งนี้พระองค์ทรงเป็นผู้ใช้อำนาจอธิปไตยทางอ้อม 3 ประการ คือ
อำนาจนิติบัญญัติ ผ่านทางสภาผู้แทนราษฏร
อำนาจบริหารผ่านทางคณะรัฐมนตรี
อำนาจตุลาการ ผ่านทางศาลยุติธรรม





¥การปกครองระบอบประชาธิปไตย¥

          ระบอบประชาธิปไตย หมายถึง การปกครองที่ประชาชนมีส่วนร่วมกำหนดนโยบายเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนในรัฐ
          ¤ลักษณะสำคัญของระบอบปราชาธิปไตย
          การปกครองระบอบประชาธิปไตยถือกำเนิดขึ้นในสมัยกรีกโบราณ โดยมีลักษณะสำคัญ ดังนี้
- ลักษณะทางสังคม คือ ความเสมอภาคในการดำเนิดชีวิต ทุกคนมีส่วนเท่าเทียมกัน
          - ลักษณะทางเศรษฐกิจ คือ ประชาชนมีโอกาสจะได้รับประโยชน์สุขทางเศรษฐกิจ
          - ลักษณะทางการเมือง คือ ประชาชนมีสิทธิทาการเมือง เช่น การออกเสียงเลือกตั้ง
          หลักการระบอบประชาธิปไตย มีสาระสำคัญ ดังนี้
1.    อำนาจอธิปไตยหรืออำนาจสูงสุดในการปกครองประเทศหรืออำนาจรัฐ
2.    ประชาชนมีส่วนร่วมในการปกครอง
3.    หลักการปกครองเพื่อประโยชน์ของประชาชน
4.    การใช้หลักเหตุผล คือ นำเหตุผลมาประกอบความคิดเห็นในการดำเนินงานต่าง ๆ
5.    หลักความยินยอม หลักประชาธิปไตยต้องการให้มีการกระทำด้วยความสมัครใจ
6.    หลักการปกครองโดยเสียงข้างมากในการแสวงหาข้อยุติการตัดสินใจ
7.    รัฐบาลมีอำนาจจำกัดและจำเป็น โดยไม่ละเมิดสิทธิเสรีภาพของประชาชน
8.    หลักเสรีภาพและความเสมอภาคของประชาชนในการใช้สิทธิอันชอบธรรม
9.    หลักการประนีประนอม กล่าวคือ พยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้ง
Θรูปแบบการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
ประชาธิปไตยทางตรง คือ ให้ประชาชนของประเทศใช้อำนาจอธิปไตยโดยตรง ในทางปฏิบัติจะกระทำได้ก็ต่อเมื่อประเทศนั้นมีจำนวนประชากรไม่มากนักสามารถร่วมประชุมปรึกษาหารือกันได้โดยตรงไม่ตองมีตัวแทน
ประชาธิปไตยทางอ้อม คือ ประชาชนจะเลือกผู้แทนมาทำหน้าที่ปกครองประเทศแทนตน โดยให้เป็นผู้ใช้อำนาจอธิปไตยในด้านต่าง ๆ เช่น อำนาจนิติบัญญัติ เป็นต้น ในปัจจุบันประเทศต่าง ๆ ก็ใช้หลักการของระบอบประชาธิปไตยทางอ้อมทั้งสิ้น ซึ่งปรากฏในรูปแบบต่างๆ กัน ดังนี้
1.    ประชาธิปไตยแบบรัฐสภา
2.    ประชาธิปไตยแบบประธานาธิบดี
3.    การปกครองแบบกึ่งประธานาธิบดีกึ่งรัฐสภา

жการปกครองระบอบเผด็จการж

การปกครองแบบเผด็จการ หมายถึง การปกครองที่ให้ความสำคัญแก่อำนาจรัฐและผู้ปกครอง อำนาจรัฐจะอยู่เหนือเสรีภาพของบุคคล ผู้ปกครองอาจเป็นคนเดียว คณะบุคคลเดียว หรือพรรคการเมืองเดียว ซึ่งจะภือประโยชน์ของรัฐมากกว่าของประชาชน
фลักษณะการปกครองแบบเผด็จการ
1.    ไม่สนับสนุนให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองการปกครองของประเทศ
2.    จำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง
3.    ยึดหลักความมั่นคง ปลอดภัยของรัฐเป็นสำคัญ ยกย่องอำนาจและความสำคัญขอรัฐเหนือเสรีภาพของประชาชน
4.    ยึดหลักรวมอำนาจการปกครองไว้ที่ส่วนกลางของประเทศ ให้อำนาจอยูในมือผู้นำเต็มที่
5.    ยึดหลักการใช้กำลัง การบังคับ และความรุนแรง เพื่อควบคุมประชาชนให้ปฏิบัติตามความต้องการของผู้นำ
6.    ประชาชนต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามผู้นำอย่างเคร่งครัด ไม่มีสิทธิโต้แย้งในนโยบายหรือหลักการของรัฐได้
7.    สร้างความรู้สึกไม่มั่นคงในชีวิตให้แก่ประชาชน จนประชาชนเกิดความหวั่นวิตกเกรงกลัวอันทำให้อำนาจรัฐเข้มแข็ง
ضรูปแบบการปกครองแบบเผด็จการ
ระบบการปกครองแบบเผด็จการ แบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ
1.เผด็จการอำนาจนิยม มีลักษณะ ดังนี้
- อำนาจทางการเมืองเป็นของผู้ปกครอง ประชาชนไม่มีสิทธิ
- ควบคุมสิทธิเสรีภาพของประชาชนอันเกี่ยวกับอำนาจอธิปไตย
- ยอมให้ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพในครอบครัว การนับถือศาสนา การดำเนินชีวิต การประกอบอาชีพ โดยที่รัฐมีสิทธิแทรกแซง
2.เผด็จการแบบเบ็ดเสร็จ มีลักษณะ ดังนี้
- ควบคุมอำนาจประชาชนทั้งทางการเมือง สังคม และเศรษฐกิจ
- ไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนร่วมในการปกครองใด ๆ ทั้งสิ้น
- รับเข้าดำเนิงานทางด้านเศรษฐกิจทั้งหมด โดยประชาชนเป็นเพียงผู้ให้แรงงาน
- มีการลงโทษอย่างรุนแรงหากประชาชนฝ่าฝืนหรือต่อต้าน ประชาชนต้องเชื่อฟังรัฐบาลผู้นำผู้ปกครองอย่างเครงครัด
- การปกครองแบบนี้ ได้แก่ การปกครองของรัฐคอมมิวนิสต์ในปัจจุบัน
٭วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา٭

วันสำคัญ
ตรงกับ
ความสำคัญ
พิธีกรรม
วันวิสาขบูชา
วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6
เป็นวันที่พระพุทธ เพราะตรงกับวันที่พระพุทธเจ้าประสูติ ตรัสรู้และปรินิพพาน เป็นวันที่องค์การสหประชาชาติกำหนดให้เป็นวันสากล
ในวันสำคัญทั้ง 3 วันนี้
พุทธศาสนิกชนจะประกอบพิธีกรรมคล้าย ๆ กัน ได้แก่
- ทำบุญใส่บาตร
- ฟังธรรม
- รักษาศีล 5 หรือศีล 8
- แผ่เมตตาแก่สัตว์
- นำดอกไม้ ธูป เทียน
  ไปเวียนเทียน
- ทำทาน
วันอาสาฬหบูชา
วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8
เป็นวันที่พระพุทธเจ้าแสดงปฐมเทศนา จึงเกิดพระสงฆ์องค์แรกขึ้นในโลก ทำให้มีพระรัตนตรัยครบองค์ 3
วันมาฆบูชา
วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 3
เป็นวันที่พระพุทธเจ้าแสดงหัวใจของพระพุทธศาสนา ที่เรียกว่า โอวาทปาติโมกข์
วันธรรมสวนะ
วันขึ้น 8 ค่ำ และ 15 ค่ำ
วันแรม 8 ค่ำ และ 15 ค่ำ
เป็นวันแห่งการบำเพ็ญกุศล
- บำเพ็ญทาน
- รักษาศีล
- เจริญภาวนา
- ฟังธรรม
วันอัฏฐมีบูชา
วันแรม 8 ค่ำ หลังวัน
วิสาขบูชา  7 วัน
เป็นวันถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระของพระพุทธเจ้า
ทำพิธีบูชาพระพุทธเจ้าเพื่อระลึกถึงพระพุทธคุณ
วันออกพรรษา
วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 วันมหาปวารนา
เป็นวันที่พระสงฆ์อยู่จำพรรษาครบ 3 เดือน
- ตักบาตรเทโว
- รักษาศีล
- กรวดน้ำอุทิศกุศลแก่ญาติผู้ล่วงลับ








หลักธรรมของศาสนาที่สำคัญของโลก♫◊

ศาสนาพราหมณ์ ฮินดู
1.     หลักอาศรม 4 หมายถึงขั้นตอนการดำเนินชีวิตของชาวฮินดูเพื่อยกระดับชีวิตให้สูงขึ้นจนบรรลุจุดมุ่งหมายสูงสุดของชีวิต คือ หลุดพ้นจากสังสารวัฏ
2.     หลักปุรุษารถะ หรือจุดมุ่งหมายแห่งชีวิต 4 ประการ หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า หลักประโยชน์ 4 หลัก ซึ่งศาสนาฮินดูได้สอนเพื่อให้สอดคล้องกับหลักอาศรม 4

ศาสนาพุทธ
1.     ขันธ์ 5 หรือเบญจขันธ์ หมายถึงองค์ประกอบของสิ่งมีชีวิต 5 ประการ
2.     อริยสัจ 4 คือ ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ เป็นหัวใจของพระพุทธศาสนา ละเป็นความจริงขั้นสูงสุดที่พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้

ศาสนาคริสต์
1.     หลักความรัก ศาสนาได้ชื่อว่าเป็นศาสนาแหงความรัก เพราะสอนให้มนุษย์มีความรักต่อพระเจ้า รักต่อเพื่อนมนุษย์ ดังนั้นข้อบัญญัติและหลักธรรมที่สำคัญที่สุดคือ หลักธรรมแห่งความรัก
2.     หลักบัญญติ 10 ประการ บัญญติ 10 ปรากรเป็นหลักปฏิบัติสำคัญที่ได้รับการยอมรับนับถือทั้งจากประชาชนชาวยิวในประเทศอิสราเอลและชาวคริสต์ในปัจจุบัน
ศาสนาอิสลาม
1.     หลักศรัทธา 6 ประการ คำว่าศรัทธาของชาวมุสลิม หมายถึงความเชื่อมั่นด้วยจิตใจดดยปราศจากการระแวงสงสัยหรือการโต้แย้งใด ๆ
2.     หลักปฏิบัติ 5 ประการ หลักปฏิบัติ คือพิธีกรรมเพื่อให้เข้าสู่ความเป็นมุสลิมดยสมบูรณ์ ซึ่งชาวมุสลิมต้องปฏิบัติศาสนกิจพร้อมทั้ง 3 ทาง คือ กาย วาจา ใจ อันถือเป็นความภักดี ตลอดชีวิต

ศีล        
ศีล   คุรุโควินทส์สิงห์ตั้งกฎไว้อย่างหนึ่ง  เรียกว่า ศีล  5 อันขึ้นต้นด้วยอักษร  ก. คือ
1.  เกศา คือเอาไว้ ผม หนวด เครา โกนตัดไม่ได้
2.  กุงคา  (กังฆา)  มีหวีสับผมเสมอ ขาดไม่ได้
3.  กรัท  ต้องมีมีดพกประจำตัว
4.  กริปาน  มีดาษประจำตัว
5.  กัจฉา  นุ่งกางเกงในประจำ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น